เกี่ยวกับเรา

เราคือใคร ?

ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง คือ โรงเรียน….สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3. (สพป.3) และสถานสงเคราะห์สำหรับเด็กที่มีความเปราะบางในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ ชายแดนประเทศไทย-เมียนมาร์ ที่ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง เรา ค้นหา และเรียนรู้การใช้ชีวิตกับธรรมชาติ และเทคโนโลยีอย่างสมดุล เราเริ่มต้นศูนย์การเรียนแห่งนี้ เมื่อปี 2551 และเริ่มจดทะเบียนเป็นศูนย์การเรียนกับกระทรวงศึกษาธิการในปี 2557 ทำให้นักเรียนได้รับวุฒิการศึกษาระดับประถมศึกษาได้ หลังจากเรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาจากศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง เด็กบางส่วนเข้ารับการศึกษาต่อในระดับมัธยมจากโรงเรียนใกล้เคียง โดยพักอาศัยอยู่กับศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง เรามีความพยายามที่จะสนับสนุนเด็กเหล่านี้ ในเรื่องโอกาสทางการศึกษา และการดำเนินการเรื่องสัญชาติ

จำนวนนักเรียนในปัจจุบัน: 44 (กะเหรี่ยง และมอญ อายุระหว่าง 5-22ปี) ครู: 4 คน การบริหารในญี่ปุ่น วัดโคโฮ เมืองโคชิ ประเทศญี่ปุ่น การบริหารในไทย นางโทโมโกะ คาตาโอกะ ผู้จดทะเบียนศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง นางสาวปัณณพร นิลเขียว

ภารกิจและวิสัยทัศน์

เป็นเสมือนสะพานสายรุ้งเพื่อโลกที่สวยงามยั่งยืน คนพื้นเมืองอเมริกัน หรือชาวอินเดียนแดง สืบทอดความเชื่อเรื่องหลักการ 7 รุ่นมาเป็นเวลานาน โดยแทนที่จะพุ่งเป้าไปที่การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และรูปแบบการใช้ชีวิตในยุคปัจจันที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากร และระบบนิเวศน์ของโลก เราเชื่อว่าหลักการ 7 รุ่นนี้ จะทำให้มนุษย์เราสามารถใช้ชีวิตด้วยปัญญา และความพอเพียง เพื่อรักษาโลกที่งดงามใบนี้สำหรับอนาคต เราเชื่อว่าภารกิจของเรา คือ การเคารพความแตกต่างของทุกชีวิต และเชื้อชาติ เพื่อสร้างสะพานสายรุ้งที่ยิ่งใหญ่ไปยังอนาคตของเรา

เป้าหมาย

1.ปลูกฝังเรื่องความรับผิดชอบให้เด็กสำหรับอนาคต
2.ทำงานร่วมกับชุมชน
3.กระตุ้นให้ผู้คนค้นหาและเข้าใจภารกิจของตนเอง
86483862_3328013260558593_5486393268314832896_n
88047498_3358226567537262_4302808007906951168_n

นโยบาย

1.ส่งเสริมทักษะความสามารถของแต่ละคน
2.เรียนรู้ธรรมชาติและเทคโนโลยี
3.รักษา เรียนรู้ และพัฒนาวัฒนธรรม
4.แบ่งปันโครงการต่างๆของศูนย์การเรียน


ข้อความจาก โทโมโกะ

สวัสดี ฉันชื่อโทโมโกะ คาตาโอกะ เป็นผู้ดูแลศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง ฉันเริ่มเข้ามาทำงานที่ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2553 และทำงานที่นี่มาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว

 

ก่อนที่ฉันเข้ามาทำงานที่ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง ฉันเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 ปีครึ่ง ที่โรงเรีบนเอกชนแห่งหนึ่งย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ฉันมีเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ ที่น่าพอใจ และสนุกที่จะได้ทำงานกับเด็กไทย อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกอยู่ในใจเสมอว่าฉันต้องเปลี่ยนแปลง และสร้างบางสิ่งบางอย่างที่มีคุณค่า ช่วงเดียวกันนั้นเอง ฉันก็ได้รับข้อเสนอจากคุณทามากิ ให้เข้ามาดูแลศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง

 

เราสร้างอนาคตที่สดใสด้วยการมอบการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับเด็กๆ ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และมีฐานะยากจน เราสร้างวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากจุดเริ่มต้นร่วมกับเด็กๆ

 

วิสัยทัศน์เหล่านี้ทำให้ฉันรู้สึกกระตือรือร้น เพราะฉันรู้สึกว่าวิถีทางนี้เป็นวิถีชีวิตที่มีความหมาย แม้ว่าพ่อแม่ และเพื่อน จะคัดค้านความเห็นฉัน แต่ฉันก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ณ ชายแดนไทย-เมียนมาร์ในที่สุด

 

เด็กๆ ที่ฉันพบเจอ ล้วนแต่บริสุทธิ์ และมีจิตวิญญาณที่สวยงาม พวกเขาสอนฉันว่าเงินไม่สามารถซื้อความสุขในใจได้ ฉันได้เรียนรู้มากมายจากพ่อแม่ของเด็กๆ ชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่ของศูนย์การเรียนที่ใจดี

 

สิ่งที่ฉันสามารถตอบแทนพวกเขาได้ คือ การให้ความรู้ ทักษะชีวิต และคุณค่าต่างๆ ที่จะจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในสังคมนี้ โดยที่พวกเขา ยังสามารถรักษาพรสวรรค์ของตัวเองเอาไว้ได้ ฉันอยากให้พื้นที่นี้เป็นที่เรียนรู้ของผู้คนจากประเทศต่างๆ ที่จะเข้ามาสะท้อน และร่วมกันค้นหา สิ่งที่เราควรทำ เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม

 

ฉันจะนำข้อดี และข้อเสีย ของการเกิดและเติบโตในประเทศญี่ปุ่น มาปรับใช้ในการพัฒนาศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง ฉันอยากจะอุทิศตัวให้กับงานเหล่านี้ เพื่อให้งานนี้สำเร็จ เนื่องจากงานนี้เป็นความทะเยอทะยานของฉัน  และเป็นเหตุผลที่นำฉันเข้ามาทำงานที่ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง

 

แม้ว่าทุกวัน จะยังเป็นการเรียนรู้ มีทั้งข้อผิดพลาด และอุปสรรค แต่ฉันอยากจะพัฒนาศูนย์การเรียนแห่งนี้พร้อมกับเด็กๆ เจ้าหน้าที่ และเพื่อนของศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้งต่อไป

 

โทโมโกะ คาตาโอกะ


ข้อความจากผู้อำนวยการ

虹の学校 理事長からのご挨拶

มีเรื่องราวที่โด่งดังที่อาจารย์ของเราได้ทิ้งไว้ในหมู่บูชิโด (วิถีแห่งนักรบ) ไม่ว่าจะเป็นเซน การจัดดอกไม้ และพิธีชงชาซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสืบสานประเพณีอันยาวนานในญี่ปุ่น

 

อย่างไรก็ตาม ความโหดร้าย และสิ้นหวังในช่วงระหว่างสงคราม และหลังสงคราม ซึ่งทำให้ชาวญี่ปุ่นเผชิญความทุกข์ยากจากภาวะขาดแคลนสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ทำให้ต่อมาเกิดความคิดที่ว่า  “เงินเพียงอย่างเดียวแก้ปัญหาทุกอย่าง”

 

เราใช้ GNP และ GDP เป็นตัวชี้วัดความสุขในสังคมญี่ปุ่นช่วงหลังสงคราม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเลขที่สะท้อนความสุขของเราอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น แม้ว่าเราภูมิใจที่อัตรา GNP ที่สองของโลกแต่นั่นยังรวมถึงการใช้จ่ายสาธารณะที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโรงไฟฟ้าปรมาณู สารเติมแต่งที่เป็นพิษในอาหาร และการพัฒนาที่ทำลายสิ่งแวดล้อม  GNP ไม่สามารถวัดโลกที่สวยงามของเรา คำพูดที่ดี  ความกล้าหาญ  ความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเป็นอยู่ที่ดีของเด็ก ๆ ได้

 

ฉันเชื่อว่ามันเป็นหนทางอันยาวไกลกว่าเราจะไปถึงความสุขที่แท้จริง เว้นแต่เราจะเปลี่ยนการให้น้ำหนักของเราจากเงินและวัตถุในยุคสมัยที่นักการเมือง และผู้นำธุรกิจถูกทำให้มืดบอด จากการมองเห็นคุณค่าที่แท้จริง มาเป็นการให้ความสำคัญกับ วิถีการใช้ชีวิต ที่อาจารย์สมัยโบราณของเราได้ค้นพบ และทิ้งไว้เป็นมรดก

 

 

เหตุใดจึงมีปัญหาที่ไม่สิ้นสุด และเป้าหมายชีวิตของผู้คนมากมายที่สูญหายไปกับสังคม แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยวัตถุต่างๆ ที่เราสามารถหาซื้อ และโยนทิ้งไปได้

 

ในทางกลับกัน ทำไมผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศไทย กลับรู้สึกขอบคุณชีวิต และมีความพึงพอใจในชีวิตของตัวเอง ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่ได้รับการศึกษา และยากจน

 

ในบางประเทศ ผู้คนสูญเสียคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต ท่ามกลางกระแสวัตถุนิยม

ในบางประเทศ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมอันดีงามค่อยๆ สูญหาย เพราะการรุกรานทางทรัพยากรของคน และประเทศศอื่นๆ

 

 

 

 ในยุคศตวรรษที่ 21 ที่เราไม่สามารถปฏิเสธการเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ เพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า เราสามารถค้นพบคุณค่าที่แท้จริงจากผู้คนชายชอบในประเทศไทยกลุ่มนี้ได้

 

ฉันคิดว่ามันมีความหมายที่เราจะกลับมาไตร่ตรอง และทบทวนการใช้ชีวิต และเป้าหมายชีวิตอีกครั้งหนึ่งว่าเรามีชีวิตไปเพื่ออะไร

 

ฉันเชื่อว่าทุกชีวิตเกิดมาพร้อมเป้าหมายทางชีวิต และจิตวิญญาณ นั่นคือสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่แรกเกิด ไม่ใช่สิ่งที่เราถูกสอน

 

ศูนย์การเรียนบ้านสายรุ้ง ต้องการเริ่มต้นด้วยการอยู่ร่วมกัน ระหว่างธรรมชาติ และมนุษย์ และต้องการส่งเสริมปรัชญาการใช้ชีวิตรูปแบบนี้

 

เราต้องการให้โลกใบนี้เป็นโลกที่ดีขึ้น เป็นพื้นที่ให้เพื่อนของเราทุกๆ คน ได้แสวงหา และสำรวจคุณค่า และความเป็นไปได้อันไร้จำกัดของพวกเขา